เวิ่นเว้อ….ว่าด้วยเรื่องความรักในอุดมคติกับรักในชีวิตจริง

เวิ่นเว้อ….ว่าด้วยเรื่องความรักในอุดมคติกับรักในชีวิตจริง

ความรักเป็นสิ่งที่มีอยู่คู่กับมนุษย์มาตั้งแต่อดีตกาล ทุกชาติทุกภาษา แต่แทบไม่มีใครสามารถหาเหตุผลได้เลยว่าทำไมถึงมีความรักอยู่คู่มนุษย์ตลอดมา มันเป็นเป็นเรื่องดีอยู่เหมือนกันที่บางครั้งเราไม่จำเป็นต้องไปเข้าใจในสิ่งที่เรารู้สึกทุกเรื่อง แต่อีกแง่หนึ่งความเข้าใจในความรักแม้จะเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งน้อยนิดก็ตามทำให้เราตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งที่เรารู้สึก ทำให้เรามีสติการมีตัวตนอยู่ในเวลาปัจจุบัน ความเข้าใจที่ว่านี้สามารถทำให้เราปฏิบัติตัวหรือตอบสนองอะไรๆได้ดีกว่า และที่สำคัญที่สุดคือการระลึกรู้ว่าเรามีอะไรและได้รู้สึกยังไง และสามารถขอบคุณสิ่งที่เรามีในปัจจุบันได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ

กระโดดสูงสไตล์ Fosbury flop กับบทเรียนที่บอกว่าอาจจะวิธีอื่นทีดีกว่าวิธีที่เราทำมาตลอด

กระโดดสูงสไตล์ Fosbury flop กับบทเรียนที่บอกว่าอาจจะวิธีอื่นทีดีกว่าวิธีที่เราทำมาตลอด

เป็นเรื่องปรกติมีหลายๆอย่างที่เราทำกันอยู่ทุกวัน ปฏิบัติต่อกันกันจนเราไม่สงสัยเลยว่าทำไมต้องทำแบบนั้น และอาจจะเป็นไปได้ที่หลายๆอย่างที่ว่านั้นมีวิธีดำเนินการที่ดีกว่า..

หากใจมุ่งมั่น ปฏิเสธความพ่ายแพ้ ย่อมทำได้เสมอ

หากใจมุ่งมั่น ปฏิเสธความพ่ายแพ้ ย่อมทำได้เสมอ

คำถาม: หากต้องการไปแข่งกีฬาโอลิมปิค ต้องใช้เวลาฝึกฝนกี่ปีและเริ่มตั้งแต่อายุเท่าไหร่?ตอบ: ตามสถิตที่ผ่านมาแล้วผู้ที่จะสามารถเข้าแข่งขันกีฬาโอลิมปิคต้องใช้เวลาเตรียมตัวไม่ต่ำกว่า 8 ปี ตั้งแต่เริ่มต้นที่มีแผนที่จะไปกีฬาโอลิมปิค ทั่วไปก็เริ่มต้นฝึกฝนจากอายุไม่เกินกว่า 14 ปี และมีโค๊ช ผู้จัดการ และผู้ดูและทั้งหมดทั้งมวลไม่ต่ำว่า 8 คน หากปัจจัยทั้งหมดนี้ได้มาครบก็ไม่ได้มีอะไรรับประกันว่าจะได้ไปสู่เส้นทางรอบสุดท้ายของกีฬาโอลิมปิคได้ แต่อย่างน้อยๆ ต้องมีข้างต้น

ทำไมการตั้งเป้าหมายถึงสำคัญมากสำหรับชีวิต

ทำไมการตั้งเป้าหมายถึงสำคัญมากสำหรับชีวิต

วันนี้จะพูดถึงเรื่องที่สำคัญในชีวิตเรื่องหนึ่ง นั่นคือเรื่องเป้าหมาย เราคงได้ยินได้ฟังกันมานาน บางทีอาจจะบ่อยจนน่าเบื่อ เป็นเรื่องเป้าหมายอีกแล้ว ใครๆก็รู้ว่าต้องมีเป้าหมาย แล้วมันจะช่วยอะไรได้ ทุกคนต่างรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร แต่จากการวิจัยแบบจริงๆจังพบว่า หากถามเอาคำตอบจริงๆจากคนที่คิดว่ารู้ว่าตัวเองต้องการอะไรจริงๆแล้วคนส่วนใหญ่ไม่มั่นใจเลยว่าในชีวิตต้องการอะไรกันแน่ ไม่สามารถระบุออกมาได้แน่ชัดว่าที่ทำอยู่ทุกวันนี้คืออะไร ในขณะเดียวกันหากศึกษาจากชีวิตคนอื่นที่เขานำประวัติตัวเองมาเขียนมาเล่า หรือเรื่องราวของคนที่มีคนพูดถึงเยอะๆ คนที่ประสบความสำเร็จ จะพบว่าแทบทุกคนที่ประสบความสำเร็จคือคนที่มีเป้าหมายในชีวิต รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร บางทีมันง่ายและอยู่ใกล้เราซะเรามองข้ามมันไป ไม่เชื่อว่ามันจะมีความสำคัญมากขนาดนั้น ครั้งหนึ่งราวๆ 50 ปีที่แล้ว เอิร์ล ไนติงเกล บิดาแห่งการพัฒนาสร้างแรงจูงใจ ได้ก่อตั้งบริษัทประกันภัย อธิบายในเทปที่เขาแจกให้พนักงานในบริษัทของตัวเองเพื่อกระตุ้นว่าการมีเป้าหมายและคิดถึงเป้าหมายนั้นมันเป็นความลับที่แปลกประหลาดที่สุด เทปชุดนั้นจุดประกายคนนับแสนให้ตระหนักถึงความสำคัญของเป้าหมาย ในที่สุดก็ได้พัฒนาเป็นเทปชุดแรกในประวัติมนุษย์ที่ไม่ใช่เทปเพลงที่ขายได้เกิน 1 ล้านแผ่น นั่นคือเขาพูดเรื่องหากมีเป้าหมายแล้วคนส่วนมากมักจะประสบความสำเร็จ ทำไมการตั้งเป้าหมายจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่ทำให้คนเราประสบความสำเร็จ หากมันสำคัญขนาดนั้นแล้วทำไมผู้คนทั่วไปถึงไม่ทำกัน แล้วการตั้งเป้าหมายมันช่วยให้เราบรรลุในสิ่งที่เราต้องการได้ยังไง มันเป็นคอนเซ็บต์ง่ายๆ แต่ช่วยเราได้จริงเหรอ ข้อมูลที่จะนำเสนอต่อไปนี้เป็นการรวบรวมมาจากหลายๆแหล่ง ซึ่งเป็นแนวความคิดของบุคคลอื่นล้วนๆ จากประสบการณ์จริงของบุคคลในอดีต และปัจจุบัน ที่ถ่ายทอดเนื่อหาและแนวคิดออกผ่านมาทางหนังสือ เทป สัมนาและเว็บไซต์  แนวคิดและเนื้อที่จะเสนอนี้จึงเป็นของบุคคลอื่น ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จในอดีตและปัจจุบัน ซึ่งแนวคิดนี้จะเป็นจริงหรือไม่นั้นคงต้องไปหาทางพิสุจน์กันเองต่อไป การค้นพบอันยิ่งใหญ่ – การตั้งเป้าหมายคือกุญแจสู่ความสำเร็จคนที่ประสบความสำเร็จทำสำเร็จมาแล้วบอกว่าเป็นการค้นพบอันยิ่งใหญ่ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะการตั้งเป้าหมายเป็นสิ่งที่สำคัญต่อความสำเร็จที่สุด มันเป็นจุดเริ่มต้นของความอดทน ความขยัน ความตั้งใจ และที่สำคัญที่สุดคือเป้าหมายได้สร้างพลังอันลี้ลับทำให้คนได้สิ่งที่เขาต้องการ ฯลฯ…

11 เพลงไทยที่บรรเทาอาการอกหักที่ดีที่สุด สำหรับคนอายุ 30 ปีขึ้นไป

11 เพลงไทยที่บรรเทาอาการอกหักที่ดีที่สุด สำหรับคนอายุ 30 ปีขึ้นไป

หากย้อนกลับไปสมัยวัยรุ่นเป็นต้นมา หลายคนคงเคยผ่านการอกหักกันมาบ้างแล้ว สิ่งหนึ่งที่ทำในช่วงที่อกหัก คือฟังเพลง ผู้ที่มีประสบการณ์มาแล้วมักจะแนะนำว่าอย่าฟังเพลงเหงาๆเศร้าๆ มันจะทำให้คิดถึงความหลังมากขึ้นและทุกข์กับมันมากขึ้น ยิ่งเป็นเพลงที่ซ้ำเต็มความชอกช้ำก็อย่าไปฟังมัน แต่เพลงก็ใช่ว่าจะซ้ำเติมความทุกข์เศร้าให้เราอย่างเดียว มีหลายๆเพลงที่ช่วยให้บรรเทาอกการอกหักได้ ที่ว่ากันว่าเพลงที่จะบรรเทาอาการอกหักได้นั้น ว่ากันว่ามันควรจะมีคุณลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายๆอย่างดังนี้ ฟังแล้วเหมือนมีคนมาปลอบ รู้สึกว่าเราไม่ได้เป็นคนเดียวในโลกที่มีความทุกข์อยู่ขณะนี้

พลังของการต่อสู้เพื่อมีชีวิต

พลังของการต่อสู้เพื่อมีชีวิต

เชื่อว่าทุกคนคงได้เจอปัญหาหรือเรื่องราวบั่นทอนกำลังกายกำลังใจอยู่ทุกๆวันเป็นแน่ ไม่ว่าจะเป็นความเครียด ปัญหางาน ปัญหาคนรอบข้าง ปัญหาชีวิตทั่วไป ปัญหาภายในใจ สิ่งที่ไม่ลงตัวต่างๆ ลองมาดูปัญหาของคนคนหนึ่งซึ่งใหญ่หลวงและเขารอดจากมันมาได้อย่างไร ย้อนกลับไปสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ทหารนาซีได้สร้างค่ายกักกันไว้หลายๆแห่งในยุโรป ประเทศโปแลนด์ก็เป็นที่หนึ่งที่นาซีไปสร้างไว้หลังจากเยอรได้เข้ายืดพื้นที่ในประเทศ ทหารนาซีเยอรมันจะนำชาวยิวเป็นล้านๆ คนแยกกันไปตามค่ายกักกันแต่ละที่สร้างขึ้น จุดประสงค์คือนำชาวยิวไปฆ่า โดยการรมควัน ค่ายกักกันที่เป็นที่รู้จักกันดีในปัจจุบันคือค่ายกักกันออสวิชซ์ (Auschwitz concentration camp) อยู่ทางใต้ของโปรแลนด์ ทุกวันที่ค่ายกักกันทหารนาซีจะนำคนเข้าขนคนออก นำขึ้นรถไปแล้วรมควันให้ตายแล้วก็ชาวยิวด้วยกันนี่แหละขุดหลุมใหญ่ๆแล้วโยนศพไปกองๆกันยังไม่กลบจนกว่าจะเต็มหลุม แต่ทหารนาซีจะไม่ฆ่าพร้อมกันทั้งหมดเพราะต้องรักษาแรงงานไว้ทำงาน เช่นขุดหลุมฝัง คนนับล้านคนโดนทหารนาซีฆ่าในสงครามโลกครั้งที่ 2 และขณะเดียวกันที่ค่ายกักกันคราโค (Kraków-Płaszów concentration camp) เป็นค่ายกักกันอยู่ไม่ห่างจากกักกันออสวิชซ์มากนัก ในค่ายกักกันคราโคมีชายคนหนึ่งจำชื่อ Stanislavsky Lech เป็นชาวยิว โดนควบคุมตัวมากลับคนอีกเป็นพันๆ ส่วนญาติพี่น้องโดนฆ่าตายไปต่อหน้าขณะถูกจับตัว ขณะอยู่ในค่ายรู้ว่าตัวเองและคนอื่นๆคงไม่รอด แต่ละวันผ่านไปไม่รู้ตัวเองจะโดนเรียกไปฆ่าวันไหน เขาถูกบังคับให้ทำงานขุดหลุดใหญ่เพื่อกลับศพคนที่ถูกลมควัน ร่างกายผอมโซ จิตใจย่ำแย่ ความโศรกเศร้าและสิ้นหวังของเขาทำให้เขายอมรับสภาพว่าไม่มีทางรอด ต้องตายอยู่ตรงนี้แน่ๆ แต่ในขณะเดียวกันในซอกหนึ่งเล็กของจิตใจเขายังพอหลงเหลือมันคือความหวังน้อยนิดริบหรี่ ความหวังอันเล็กน้อยนั้นคือ หวังจะหนีจากสถานที่เป็นเหมือนนรก ออกไปสู่อิสรภาพภายนอก อิรภาพที่ไม่รู้จะเอามันมาได้ยังไง ยังไงๆก็มองไม่เห็นทางจะออกไปจากที่นี่ได้ ในขณะที่คนอีกเป็นพันๆหมื่นๆคนที่นั่นสิ้นหวัง นั่งอยู่รอความตายแต่เขาเปลี่ยนความคิดไปอีกแบบ ความหวังอันน้อยนิดของค่อยๆเปลี่ยนคำพูดที่บอกตัวเองมาตลอดว่าฉันตายแน่ๆๆ ไม่มีทางรอด มาเป็นฉันจะออกจากที่นี่ไปได้ยังไง…

ความรักแบบไม่มีเงื่อนไขของคนที่เป็นแม่

ความรักแบบไม่มีเงื่อนไขของคนที่เป็นแม่

วันก่อนผมได้อ่านหนังสือเรื่อง “สัญญาก็คือสัญญา” ของด๊อกเตอร์เวนย์ ไดเออร์ เลยขอนำบทย่อมาถ่ายทอดให้เพื่อนๆฟัง เมื่อพูดถึงความรักแบบไม่มีเงื่อนไขมีเพียงความรักของแม่ที่มีต่อลูกเท่านั้นที่ถือได้ว่าเป็นรักแบบไม่มีเงื่อนไขอย่างแท้จริง เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นที่มุมหนึ่งของโลก ที่รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา เป็นเรื่องของความรักของแม่ที่มีต่อลูกที่ไม่สามารถหาอะไรมาทดแทนได้ ย้อนกลับไปเมื่อ พ.ศ. 2513 ครอบครัว โอ’บาร่า ผู้เป็นแม่มีชื่อว่า เคย์ โอ’บาร่า (Kaye O’Bara) ต้องเผชิญหน้ากับ เมื่อ ลูกสาวคนโตของเธอซึ่งมีอายุ 16 ปี ชื่อ เอ็ดวาด้า โอ’บาร่า (Edwarda O’bara) ซึ่งเป็นโรคเบาหวานตั้งแต่กำเนิดช๊อกกลางดึก และถูกนำส่งโรงพยาบาลเข้าห้องฉุกเฉิน ขณะที่อยู่ในโรงพยาบาลอาการช๊อคทำให้เอ็ดวาด้ากำลังจะหมดสติ แต่ขณะที่ยังพอมีสติ เอ็ดวาด้า ได้พูดกับแม่ที่นั่งข้างๆเตียงว่า “แม่จ๋า อย่าทิ้งหนูไปไหนหนะ” เคย์ โอ’บาร่ากุมมือลูกสาวและตอบว่า “แม่จะไม่ทิ้งหนูไหนแน่นอน แม่จะอยู่ตรงนี้ตลอด แม่ให้สัญญา” และสัญญาก็เป็นสัญญาจริงๆ นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เอ็ดวาด้า ก็ตกอยู่ในสภาวะโคม่ามาตลอด ปี เคย์ โอ’บาร่า ผู้ซึ่งเป็นแม่จะต้องป้อนข้าวดูและคอยดูแลลูกสาวตัวเองอย่างใกล้ชิดแบบไม่ห่างไปไหนตามลำพังเป็นเวลาตลอด 38 ปี ลองจินตนาการ….ดูว่ามันลำบาก เหนื่อย…

หากคิดว่าชีวิตตัวเองแย่สุดๆแล้ว…ลองอ่านเรื่องนี้

หากคิดว่าชีวิตตัวเองแย่สุดๆแล้ว…ลองอ่านเรื่องนี้

เชื่อว่าหลายๆคนคงเคยได้เจอปัญหา หรือมีเรื่องราวบั่นทอนกำลังกายกำลังใจ มาแล้วไม่มากก็น้อย  ไม่ว่าจะเป็นความเครียด ปัญหางาน การเงิน คนรอบข้าง ปัญหาชีวิตทั่วไป ปัญหาภายในใจ สิ่งที่ไม่ลงตัว ฯลฯ ในบางจังหวะของชีวิตสิ่งที่เราเผชิญอยู่ทุกวันมันทำให้เราเหนื่อย ท้อได้ง่ายๆเหมือนกัน บทความนี้ให้กำลังใจ สำหรับคนที่กำลังท้อหรือหมดกำลังใจ ครับ ย้อนกลับไปประมาณหลายสิบปีที่แล้ว เฮเลน เคลเลอร์ นักเขียนและนักมนุษยธรรมกล่าวว่าไว้ “ชีวิตเป็นได้ทั้งการเดินผจญภัยที่ห้าวหาญตื่นเต้น หรือการเป็นอยู่ที่จืดชืดไร้ความหมาย” เราจะรู้สึกอย่างไรกับชีวิตอยู่ที่ตัวเราเอง อ่านแล้วคงคิดว่าคนที่กล่าวคำนีเป็นคนที่ได้รู้เห็นความเป็นไปของโลกเป็นอย่างดี ร่ำรวย ได้ท่องเที่ยวไปในที่สุดๆ ได้ใช้ชีวิตอย่างสุดๆได้มีชีวิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสมบูรณ์แบบ แต่ไม่ใช่แบบนั้นเลย….คนที่กล่าวคำนี้ทั้งหูหนวกและตาบอดตั้งแต่เด็ก แต่ด้วยความไม่ท้อแท้สามารถเรียนรู้จนจบปริญญา แต่กลายเป็นผู้หญิงคนแรกเปลี่ยนบทบาทผู้หญิงอเมริกา ลองมาดูประวัติคร่าวของเธอกันซักหน่อย ชื่อจริงของเธอคือ เฮเลน อาดัมส์ เคลเลอร์ (Helen Adams keller) เกิดเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2423 และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1968 เป็นชาวอเมริกัน เป็นนักประพันธ์ นักรณรงค์ทางการเมือง และผู้บรรยาย เธอเป็นผู้ที่พิการทั้งทางสายตาและหูหนวก คนแรกที่ได้รับปริญญาตรีทางศิลปะศาสตร์ ครูของเธอคือ…

ปัญหาใหญ่หลวงบางครั้งก็มีวิธีแก้ง่ายกว่าที่เราคิด

ปัญหาใหญ่หลวงบางครั้งก็มีวิธีแก้ง่ายกว่าที่เราคิด

ชีวิตการทำงานทำไมมันมีแต่ปัญหา ปัญหา และก็ปัญหา เบื่อจริงๆเลยครับ อยากกลับไปอยู่บ้านเฮาบ่ต้องเจอะเจอปัญหาเยอะแยะ… จำได้ว่าตอนสมัยเริ่มทำงานใหม่ๆ ยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร วันๆไม่ได้ทำอะไรนอกจากแก้ปัญหา วันหนึ่งได้มีโอกาสคุยกับหัวหน้า เลยถามหัวหน้าว่าทำไมมันมีเป็นหาเข้ามาเยอะจัง ไม่ได้ทำงานเลยเนี่ย หัวหน้าหัวเราะหึๆ พูดว่า “พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันน้องเอ้ย…ว่าทำไมปัญหามันถึงได้เยอะอย่างนี้” แต่รู้อย่างหนึ่งว่าถ้ามันไม่มีปัญหาเราคงไม่มีงานทำ มีปัญหาเยอะๆดีแล้วเป็นสัญญาณว่าเรายังมีงานทำ เขาจ้างเรามาแก้ปัญหา หากไม่มีปัญหาเขาคงไม่จ้างเราหรอก นี่แหละคืองานของเรา คิดไปคิดมาว่า..เออใช่ ที่ทุกคนทำงานแข่งขันกันทุกวันนี้งานจริงๆที่ว่าคือการแก้ปัญหา ธนาคารแก้ปัญหาลูกค้าที่ไม่รู้จะเอาเงินไปเก็บไว้ที่ไหน หรือไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนมาลงทุน ร้านอาหารแก้ปัญหาความหิว ดีเอชแลแก้ปัญหาคนที่ไม่รู้จะเอาของส่งให้อีกคนที่อยู่คนละมุมโลกยังไง บริษัทมือถือแก้ปัญหาที่เราไม่สามารถคุยกับคนที่อยู่คนละพื้นที่ได้ ฯลฯ เราหนีปัญหาไม่พ้นหรอกแก้ปัญหานี้ได้ปัญหาใหม่ก็เข้ามา การแก้ปัญหาบางครั้งง่าย บางครั้งก็ยากมากๆ แต่บางครั้งที่คิดว่ายากๆ ก็อาจจะง่ายจนเราคิดไม่ถึงก็ได้ มีตัวอย่างอยู่สองตัวอย่าง ตัวอย่างแรก ถ้าหากใครเคยได้ดูรายการ VIP เมื่อหลายปี ที่ตุ๊กญานีเป็นพิธีกรคงพอนึกออก เป็นเรื่องราวของคนไทยคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จทำร้านอาหารที่อเมริกาแล้วกลับมาเมืองไทย ขณะที่อยู่อเมริกาพอเริ่มตั้งตัวได้ก็เปิดร้านอาหารไทย แต่เมืองที่เขาอยู่มันใกล้ชายแดนเม็กซิโก จึงถูกโจรเม็กซิกันปล้นบ่อยๆ ปล้นเสร็จแล้วก็หนีข้ามฝั่งไปตำรวจก็ตามตัวลำบาก หลังจากโดนปล้น 3-4 ครั้งติดกันชักแย่จะเจ้งเอา เพราะลูกค้ากลัวก็หายไปหมด และแต่ละครั้งที่โดนปล้นก็เสียเงินไปเยอะ ขึนปล่อยไปอย่างนี้เจ้งแน่ ครั้นจะย้ายร้านหนีไปที่อื่นก็ไม่ได้แล้วเพราะลงไปหมดตัวแล้ว วิธีหนึ่งคือจ้างบริษัทรักษาความปลอดภัยมาดูแลตลอดเวลา แต่ค่าใช้จ่ายก็มหาศาล ทำงานเพื่อเอาเงินมาจ่ายค่า รปภ. คงไม่คุ้มแน่ๆ…

สิ่งที่ได้มาฟรีมากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นสิ่งที่มีค่ามากเท่านั้น

สิ่งที่ได้มาฟรีมากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นสิ่งที่มีค่ามากเท่านั้น

“ตลกแล้วหละของฟรีมันจะไปมาค่าได้ยังไง ไม่เช่นนั้นมันจะได้มาฟรีเหรอ”  หลายคนคงคิดเช่นนี้ คำว่าฟรีในที่นี้หมายถึงได้มาเปล่าๆ ไม่ต้องเอาอะไรไปแลก เรามักจะมีความคิดที่ว่าอะไรที่เราได้มาฟรีๆมักจะมีค่าน้อย หรือไม่ก็ไร้ค่าไปเลย ในขณะเดียวกันสิ่งที่เราได้มาด้วยความยากลำบากหรือต้องเสียเงินเสียทอง เสี่ยงหรือเหน็ดเหนื่อยเพื่อแลกมันมา เราคิดว่ามันมันมีราคามีค่ากว่า หากคิดกันให้ลึกๆแล้วสิ่งที่มันเป็นไปมันกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง สิ่งที่มีค่าในชีวิตทุกๆอย่างเราล้วนได้มันมาฟรีทั้งนั้น ส่วนที่เราต้องเสียเงินเสียทองไปหาซื้อมันมาครอบครองมักจะเป็นสิ่งที่มีค่าต่ำ ถึงแม้จะจ่ายมันด้วยเงินมหาศาลเท่าไหร่ราคาของมันจริงๆยิ่งถูก ลองคิดถึงสิ่งเหล่านี้ เช่น จิตใจ จิตวิญาญ ร่างกายเรา ความหวัง ความรัก ความทะเยอทะยาน กำลังใจ ความเชื่อมั่น ความอดทน ศรัทธา มิตรภาพ ครอบครัว คนที่เรารัก พ่อแม่พี่น้อง ลูกหลาน เพื่อนฝูง อากาศ ประเทศ โลก ฯลฯ และที่สำคัญอย่างหนึ่ง เวลา ทุกคนคงไม่ปฏิเสธว่าเวลาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต เพราะเป็นสิ่งที่เสียไปแล้วไม่มีทางเลยที่จะได้มันกลับคืนมา และเวลาเป็นสิ่งที่เราไม่เคยต้องเอาเงินทองไปแลกมันมา มันเป็นสิ่งที่อยู่กับตัวเรามาตลอดแบบฟรีๆ แต่ตรงข้ามกันสิ่งที่เราต้องเอาอะไรที่เรามีโดยเฉพาะของฟรีที่กล่าวข้างต้นไปแลก มันมันกลับมีค่าน้อย บางคนบอกว่าไม่จริง….เพราะสิ่งใดจะมีค่าได้ต้องใช้หลายๆสิ่งเพื่อให้ผ่านการพิสูจน์ว่ามันค่าจริงๆ เช่น ความรักและมิตรภาพ ผมคนหนึ่งละที่ขอเถียงว่าไม่จริงเช่นกัน ตัวอย่าง ความรัก หรือมิตรภาพเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับโลกนี้มาตลอดไม่ต้องไปดั้นด้นเสาะหาหรือลงทุนไขว่คว้ามันมา มันอยู่รอบตัวเราถึงแม้บางครั้งต้องใช้เวลาบ้าง แต่อย่างที่รู้แล้วเวลาเป็นของฟรีจึงไม่มีคำว่าเสีย หรือต้องแลกด้วยอะไร มีแค่จะรู้สึกมันหรือไม่เท่านั้นเอง หากไม่รู้สึกไม่ว่าจะทุ่มเทด้วยอะไรก็ตามหรือใช้เวลามากแค่ไหนก็ตามมันก็ไม่มีค่า…