ความรักแบบไม่มีเงื่อนไขของคนที่เป็นแม่

วันก่อนผมได้อ่านหนังสือเรื่อง “สัญญาก็คือสัญญา” ของด๊อกเตอร์เวนย์ ไดเออร์ เลยขอนำบทย่อมาถ่ายทอดให้เพื่อนๆฟัง

เมื่อพูดถึงความรักแบบไม่มีเงื่อนไขมีเพียงความรักของแม่ที่มีต่อลูกเท่านั้นที่ถือได้ว่าเป็นรักแบบไม่มีเงื่อนไขอย่างแท้จริง เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นที่มุมหนึ่งของโลก ที่รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา เป็นเรื่องของความรักของแม่ที่มีต่อลูกที่ไม่สามารถหาอะไรมาทดแทนได้

ย้อนกลับไปเมื่อ พ.ศ. 2513 ครอบครัว โอ’บาร่า ผู้เป็นแม่มีชื่อว่า เคย์ โอ’บาร่า (Kaye O’Bara) ต้องเผชิญหน้ากับ เมื่อ ลูกสาวคนโตของเธอซึ่งมีอายุ 16 ปี ชื่อ เอ็ดวาด้า โอ’บาร่า (Edwarda O’bara) ซึ่งเป็นโรคเบาหวานตั้งแต่กำเนิดช๊อกกลางดึก และถูกนำส่งโรงพยาบาลเข้าห้องฉุกเฉิน ขณะที่อยู่ในโรงพยาบาลอาการช๊อคทำให้เอ็ดวาด้ากำลังจะหมดสติ แต่ขณะที่ยังพอมีสติ เอ็ดวาด้า ได้พูดกับแม่ที่นั่งข้างๆเตียงว่า “แม่จ๋า อย่าทิ้งหนูไปไหนหนะ” เคย์ โอ’บาร่ากุมมือลูกสาวและตอบว่า “แม่จะไม่ทิ้งหนูไหนแน่นอน แม่จะอยู่ตรงนี้ตลอด แม่ให้สัญญา”

และสัญญาก็เป็นสัญญาจริงๆ นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เอ็ดวาด้า ก็ตกอยู่ในสภาวะโคม่ามาตลอด ปี เคย์ โอ’บาร่า ผู้ซึ่งเป็นแม่จะต้องป้อนข้าวดูและคอยดูแลลูกสาวตัวเองอย่างใกล้ชิดแบบไม่ห่างไปไหนตามลำพังเป็นเวลาตลอด 38 ปี

ลองจินตนาการ….ดูว่ามันลำบาก เหนื่อย และทรมานขนาดไหน

ลองจินตนาการ…ตัวเองดูว่าชีวิตจะเป็นยังไงถ้าต้องป้อนข้าวลูกสาวตัวเองทุกๆ 2 ชั่วโมง เป็นเวลา 38 ปี เป็นเวลา 38 ปี ลองจินตนาการตัวเองว่าไม่สามารถหลับได้สนิทบนเตียงได้ตลอดเวลา 38 ปี ลองจินตนาการตัวเองว่าเมื่อถึงเวลานอนแล้วต้องตื่นมาทุกๆ 2 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นสี่ทุ่ม เที่ยงคืน ตี 2 ตี 4 และหกโมงเช้ามาดูแลลูกเป็นเวลา 38 ปี โดยไม่เคยมีหลุดตารางแม้แต่ซักครั้งเดียว

เคย์ต้องนอนบนเก้าอี้นอนข้างๆลูกแบบไม่ห่างไปไหนตลอด 38 ปี ลองจินตนาการตัวเองว่า ไม่สามารถออกไปเดินห้าง ไปดูหนัง กินข้าว หรือไปพักผ่อนข้างนอก ตลอดเวลา 38 ปี ลองจินตนาการว่าเงินที่มีกูร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ ด้วยค่ายาค่ารักษาอย่างเดียวเดือนละ 3,000 เหรียญ ด้วยรายได้ของครอบครัว 1,000 เหรียญต่อเดือน

ลองจินตนาการ…ตัวเองจะเป็นอย่างไรหากทุกๆ 4 ชั่วโมง ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หรือ 6 ครั้งต่อวันต้องทำการตรวจเลือดของลูกสาวตัวเอง ลองจินตนการหลังจากนั้น 4 ปี สามีของตัวเองเริ่มพูดคุยถึงเรื่องที่ต้องทนทุกข์ที่ต้องดูแลลูกและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในขณะที่รายได้ไม่เพิ่มไม่สามารถดูแลลูกสาวของตัวเองได้อีกแล้ว และไม่กี่วันหลังจากนั้นสามีก็ตายจากไปด้วยอาการหัวใจวาย และหลังจากนั้นไม่นานลูกสาวคนเล็กซึ่งเป็นน้องสาวของ เอ็ดวาด้า เริ่มมีปัญหาใจแตกติดยา ท้องไม่มีพ่อ และคลอดลูกน้อยให้ตัวเองเลี้ยงอีกคน

ลองจินตนาการ…ตัวเองว่าจะรู้สึกยังไงหากต้องสูญเสียลูกสาวคนโตไปกับอาการโคมา สามีด้วยโรคหัวใจ และลูกคนเล็กไปกับยาเสพติด และก็ยังคงต้องคอยดูแล ป้อนข้าวป้อนน้ำ เอ็ดวาด้า ทุกๆ 2 ชั่วโมง ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 38 ปี

ลองจินตนาการ…ตัวเองดูหลังจากดูแลลูกสาวตัวเองประมาณ 10 ปี ตัวเองเริ่มมีอาการของโรคหัวใจ ลองจินตนาการตัวเองจะเป็นอย่างไรเมื่อเงินหมดเนื่องจากไม่มีรายได้จากทางไดแล้ว ประกันที่เคยดูแลก็หมดลงแล้ว จนต้องขายข้าวของที่มีค่าออกไปเรื่อยๆ ต้องยืมเพื่อนๆคนรู้จัก และใช้เงินหมุนจากบัตรเครดิต 7-8 ใบที่มีอยู่ จนหนี้พอกพูนขึ้นหลายแสนเหรียญ ลองจินตนาการตัวเองว่าจะรับกับ ปัญหาอย่างไรเมื่อเริ่มมีคนมาทวงหนี้ทุกวัน

เมื่อเรื่องราวของเคย์ โอ’บาร่า ถูกเผยแพร่ออกไปด๊อกเตอร์เวนย์ ไดเออร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาสุขภาพจิต รับอาสาช่วยเหลือเรื่องการเงินโดยการขอนำเรื่องราวไปเขียนหนังสือและจะนำรายได้ทั้งหมดมาใช้หนี้เป็นค่าใช้จ่ายให้

เคย์ โอ’บาร่า ก็ยังดูแลลูกสาวอย่างใกล้ชิดต่อไป หลังจากดูแลลูกสาวแบบไม่ห่างเป็นเวลา 38 ปี เคย์ โอ’บาร่า เสียชีวิตเดือนมีนาคม 2551 ด้วยอายุ 80 ปี อย่างสงบ หลังจากดูแลลูกสาวจนถึงลมหายใจ สุดท้ายของชีวิตตัวเองอยู่ข้างๆเตียงของลูกสาวที่ยังคงอยู่ในโคม่าอยู่นั่นเอง ส่วนเอ็ดวาด้า ผู้เป็นลูกสาวเสียชีวิตในเดือนพฤศจิกายน 2555 ด้วยอายุ 59 ปี

สัญญาก็คือสัญญา ความรักของแม่ที่มีต่อลูกไม่เคยมีเงื่อนไขและไม่มีอะไรมาทดแทนได้

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *