Auschwitz Entrance

พลังของการต่อสู้เพื่อมีชีวิต

เชื่อว่าทุกคนคงได้เจอปัญหาหรือเรื่องราวบั่นทอนกำลังกายกำลังใจอยู่ทุกๆวันเป็นแน่ ไม่ว่าจะเป็นความเครียด ปัญหางาน ปัญหาคนรอบข้าง ปัญหาชีวิตทั่วไป ปัญหาภายในใจ สิ่งที่ไม่ลงตัวต่างๆ ลองมาดูปัญหาของคนคนหนึ่งซึ่งใหญ่หลวงและเขารอดจากมันมาได้อย่างไร

ย้อนกลับไปสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ทหารนาซีได้สร้างค่ายกักกันไว้หลายๆแห่งในยุโรป ประเทศโปแลนด์ก็เป็นที่หนึ่งที่นาซีไปสร้างไว้หลังจากเยอรได้เข้ายืดพื้นที่ในประเทศ ทหารนาซีเยอรมันจะนำชาวยิวเป็นล้านๆ คนแยกกันไปตามค่ายกักกันแต่ละที่สร้างขึ้น จุดประสงค์คือนำชาวยิวไปฆ่า โดยการรมควัน ค่ายกักกันที่เป็นที่รู้จักกันดีในปัจจุบันคือค่ายกักกันออสวิชซ์ (Auschwitz concentration camp) อยู่ทางใต้ของโปรแลนด์

ทางเข้าค่ายกักกันออสวิชซ์ ในปัจจุบัน

ทุกวันที่ค่ายกักกันทหารนาซีจะนำคนเข้าขนคนออก นำขึ้นรถไปแล้วรมควันให้ตายแล้วก็ชาวยิวด้วยกันนี่แหละขุดหลุมใหญ่ๆแล้วโยนศพไปกองๆกันยังไม่กลบจนกว่าจะเต็มหลุม แต่ทหารนาซีจะไม่ฆ่าพร้อมกันทั้งหมดเพราะต้องรักษาแรงงานไว้ทำงาน เช่นขุดหลุมฝัง คนนับล้านคนโดนทหารนาซีฆ่าในสงครามโลกครั้งที่ 2

และขณะเดียวกันที่ค่ายกักกันคราโค (Kraków-Płaszów concentration camp) เป็นค่ายกักกันอยู่ไม่ห่างจากกักกันออสวิชซ์มากนัก ในค่ายกักกันคราโคมีชายคนหนึ่งจำชื่อ Stanislavsky Lech เป็นชาวยิว โดนควบคุมตัวมากลับคนอีกเป็นพันๆ ส่วนญาติพี่น้องโดนฆ่าตายไปต่อหน้าขณะถูกจับตัว

ขณะอยู่ในค่ายรู้ว่าตัวเองและคนอื่นๆคงไม่รอด แต่ละวันผ่านไปไม่รู้ตัวเองจะโดนเรียกไปฆ่าวันไหน เขาถูกบังคับให้ทำงานขุดหลุดใหญ่เพื่อกลับศพคนที่ถูกลมควัน ร่างกายผอมโซ จิตใจย่ำแย่ ความโศรกเศร้าและสิ้นหวังของเขาทำให้เขายอมรับสภาพว่าไม่มีทางรอด ต้องตายอยู่ตรงนี้แน่ๆ แต่ในขณะเดียวกันในซอกหนึ่งเล็กของจิตใจเขายังพอหลงเหลือมันคือความหวังน้อยนิดริบหรี่

ชาวยิวที่ถูกขนไปทางรถไฟ

ความหวังอันเล็กน้อยนั้นคือ หวังจะหนีจากสถานที่เป็นเหมือนนรก ออกไปสู่อิสรภาพภายนอก อิรภาพที่ไม่รู้จะเอามันมาได้ยังไง ยังไงๆก็มองไม่เห็นทางจะออกไปจากที่นี่ได้ ในขณะที่คนอีกเป็นพันๆหมื่นๆคนที่นั่นสิ้นหวังนั่งอยู่รอความตายแต่เขาเปลี่ยนความคิดไปอีกแบบ

ความหวังอันน้อยนิดของค่อยๆเปลี่ยนคำพูดที่บอกตัวเองมาตลอดว่าฉันตายแน่ๆๆ ไม่มีทางรอด มาเป็นฉันจะออกจากที่นี่ไปได้ยังไง ยิ่งถามตัวไปเรื่อยก็รู้ว่าตัวเองมีกำลังอยู่ต่อได้อีกวันไปเรื่อยๆ

เขาบอกตัวเองว่าฉันจะต้องหาอะไรบางอย่างที่ฉันมีอยู่ทุกๆวัน สิ่งที่มองข้ามมันไป สิ่งที่จะช่วยให้เขาได้รับอิสภาพ มันต้องมันมีซักสิ่งหนึ่งสิ เขาจึงตั้งคำถามกับตัวเองว่า “มันทางจะหนีออกไปได้หรือไม่”  จากอาทิตย์ไปเป็นเดือน จากเดือนไปเป็นหลายๆเดือนที่เขาถามตัวเองว่าจะหนีออกไปยังไง

ชาวยิวถูกบังคับให้ทำงานหนักในค่ายกักกันคราโค

วันหนึ่งก็มาถึงจุดที่เขาตัดสินใจ เขาบอกตัวเองว่ายังไงก็ออกไปให้ได้ เขาจะไม่ยอมตายอยู่ที่นี่แน่นอน ขณะที่เขากำลังทำงานขุดหลุดขนดินเกือบจะสิ้นหวังและรับชะตากรรมเพราะได้เห็นข้อเท็จจริงมานานว่าคงไม่มีใครรอดหรือนอกจากคนตาย

นอกจากนั้นกลิ่นศพที่เขาได้กลิ่นขณะทำงานทุกวันทำให้เขาพร้อมจะยอมรับชะตากรรม ในทันใดนั้นเขาก็แว๊บขึ้นมาเลยทันทีว่า ใช่แล้วกลิ่นคนตาย คนที่ออกจากที่นี่ไปได้คือคนตายเท่านั้น ดังนั้นการที่เขาจะออกไปได้เขาจะต้องตายเท่านั้น

แล้วเขาวางแผนอยู่หลายวันดูจังหวะที่ทหารขนศพไปทิ้ง จังหวะและเวลาศพถูกขนไปทิ่ง เวลาที่ทหารเปลี่ยนเวร ฯลฯ วันหนึ่งเขาถูกเกณฑ์ไปทำงานในบริเวณค่าย รถบรรทุกซึ่งเต็มไปด้วยศพจอดรอเพื่อให้คนขนศพขึ้นไปกองเหมือนปรกติทุกวันที่ผ่านมา พอเห็นสบโอกาศ

พอมีจังหวะไม่ทันมีใครเห็นชั่ววินาทีนั้น เขาก็วิ่งถอดเสื้อผ้า ค่อยๆคลานซ่อนตัวหลังพุ่มไม้พอได้จังหวะก็กระโดดขึ้นไปบนรถบรรทุกศพนอนแกล้งตายอยู่กับศพตรงนั้น นอนสูดกลิ่นเหม็นเน่า ความหิว เหนื่อยล้า

ในระหว่างนั้นสิ่งที่ทำให้เขารอดมีชีวิตและทนอยู่ตรงนั้นคือความหวังที่จะถูกขนขึ้นรถไปทิ้ง ศพแล้วศพเล่าถูกโยนขึ้นไปทับถมร่างของเขา นอนแช่อยู่ตรงนั้นอยู่นานมากจนจำไม่ได้ว่ามันผ่านไปกี่ชั่วโมงหรือกี่วัน

แล้วเวลาที่เขารอคอยก็มาถึง รถถูกขับเคลื่อนตัวออกไป ข้างนอกค่ายเพื่อเอาศพไปทิ้ง เขาเลยศพอื่นๆโดนดั้มลงในหลุมพร้อมกับศพอีกจำนวนมาก เขาแช่อยู่อย่างนั้นอีกโดนศพอื่นๆทับถมพร้อมกลับกลิ่นที่เหม็นเน่าตลอดเวลา

เขานอนนิ่งๆทั้งคืนกับจนแน่ใจว่าทหารพากันไปหมดแล้ว ทั้งเหนื่อยทั้งหิว แต่แรงที่ได้มาคืออิสระภาพ พอแน่ใจว่าไม่มีทหารหรือคนเฝ้าแล้วคืนนั้นเขาวิ่งตัวเปลือยปล่าวเข้าป่า ผ่าทุ่ง หาผักผลไม้ตามทางกินไปเรื่อย วิ่งข้ามประเทศไปยังประเทศที่อยู่ในเครือพันธมิตรวันจนได้รับการช่วยเหลือในที่สุด 

หลังจากนั้นก็อพยพไปอยู่ต่างประเทศ เขียนหนังสือชื่อ Quest for Freedom – A Story of Pure Courage ซึ่งปัจจุบันนี้ไม่มีการพิมพ์ออกมาแล้ว

ไม่มีการเปิดเผยสถิติการหลบหนีของค่ายกักกันคราโค แต่เฉพาะที่ค่ายกักกันออสวิชซ์ที่เดียว มีชาวยิวได้พยายามหนี 802 คน หนีสำเร็จ 144 คน 331 คนไม่รู้ชะตากรรม ที่เหลือถูกจับได้และปล่อยให้อดตาย ที่ค่ายกักกันแห่งนี้ได้สังหารชาวยิวไป 1.1 ล้านคน

หลังจากนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาได้มีโอกาสปาถกฐา เขามักจะบอกว่าไม่ว่าสิ่งที่เขาเผชิญมันจะเลวร้ายแค่ไหน มันจะมีทางออกอยู่เสมอ แทนที่จะรู้สึกทุกข์อยู่กับมัน ใช้เวลาใช้พลังมาหาทางออกให้กับมันดีสิ

และอีกอย่างหนึ่งคือขณะอยู่แบบปรกติมีหลายๆอย่างที่เราเบื่อเรา เราบ่นเราไม่ชอบ มันไม่ดีพอ หรือต้องการมากกว่านี้ สิ่งเหล่านี้มันเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็นคุณค่าของมัน แต่ขณะที่กำลังเผชิญสิ่งที่เลวร้ายที่สุดอย่างที่เขาเคยเผลิญมาแล้ว  

สิ่งเหล่านั้นก็กลายเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด เป็นสิ่งที่เราโหยหาที่สุด และเสียดายอย่างที่สุดที่ขณะที่ยังมีโอกาสเราไม่ยอมใช้หรือสุขกับมันให้เต็มที่ และเราก็พร้อมจะทำทุอย่างเพื่อทำให้ได้สิ่งธรรมดาๆเหล่านั้น แล้วขณะที่เรากำลังมีกำลังอยู่อย่างปรกตินี้เราถึงไม่ชื่นชมยินดีกับมันตอนนี้

นี่แหละคือของขวัญล้ำค่าที่เราได้รับจงรักษาและใช้มันให้คุ้มค่า

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *